Sigma VS Realtek!!!

ขอเล่ายาวหน่อยนะครับ เพราะคิดว่าบทความนี้มีความสำคัญในวงการไฮเดฟเมืองไทยไม่น้อยนะครับ เลยตั้งอกตั้งใจเขียนเป็นพิเศษ

เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่ผมเริ่มเล่นไฮเดฟจนถึงปัจจุบัน นับแล้วก็ปีนิดๆ และจากการที่เข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน thaidvd อยู่ตลอดเวลานั้น ผมก็ได้เห็นความคิดเห็นต่างๆ ของเพื่อนๆ ที่พูดถึงคุณภาพของ chipset Sigma กับ Realtek 

โดยภาพรวมแล้ว เพื่อนๆ สมาชิกส่วนใหญ่ได้สรุปเลยว่า chipset Sigma มันมีคุณภาพดีกว่ากว่า Realtek ไม่ว่าจะเป็นในด้านของมิติภาพ ด้านความชัด ด้านความละเอียดของสี ๆลๆ เพื่อนๆ รุ่นใหม่ๆ ที่พึ่งเข้ามาศึกษาหาความรู้ หลายๆท่านก็ถามและให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก จนกลายเป็นเหตุผลต้นๆ ของการตัดสินใจซื้อเครื่องเลยทีเดียว

ครึ่งปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาส “เล่น” ไฮเดฟอย่างที่หลายๆท่านเคยถึงกับ “อิจฉา” ผมเลยทีเดียวที่ได้โอกาศทดสอบเครื่องเล่นไฮเดฟหลายๆ รุ่นโดยที่ใช้กับทีวีหลากหลายรุ่น อาทิเช่น  Sony / LG / Samsung /Panasonic / Sharp /Pioneer ทั้ง LCD LED และ Plasma

ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่รู้ว่าตาผมก็ยังไม่ “เทพ” เหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆ หรือ ความจริงคือไม่ว่าเครื่องเล่นไฮเดฟรุ่นไหนก็ตามสามารถให้ภาพคล้ายๆกันหมดกันแน่ ผม(แทบ)ไม่เห็นความแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องภาพที่เครื่องเล่นไฮเดฟทั้งหลายเลยครับ (ยกเว้นเรื่องสีสัน) แต่กลับเห็นความแตกต่างเรื่องภาพของทีวีแต่ละรุ่น จนทำให้ผมเขียนบทความเครื่องเล่นไหนให้ภาพดีที่สุด?? !!นี้ขึ้นมาเมื่อวันที่ 26/1/2010 ที่ผ่านมา

 และแล้วสิ่งที่ยังค้างคาใจก็มีโอกาสให้ผมพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง เมื่อรู้ว่าคุณ Suvejที่ Thaidvd ได้ซื้อทีวี 2เครื่องรุ่นเดียวกันมาเปิดพร้อมๆ กันกับหนัง Full Rip เรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน เพื่อหาความจริงว่าคุณภาพ sigma กับ Realtek นั้นต่างกันแค่ไหนอย่างไร ผมเลยไม่รอช้าขอทำ review ในการทดสอบคราวนี้เลยครับ

อุปการณ์ที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้

• ทีวี : SAMSUNG LED UA40B7000WR (โดยที่ค่า Config เหมือนกันทั้ง 2 เครื่อง)  http://www.youtube.com/watch?v=TSD8JJhMQyA
• สาย HDMI : Monster H1000 ยาวเมตรนิดๆ (ของแท้)
• HDD : WD 1TB 32MB
• Docking: Unknow (แต่เหมือนกัน)

โดยที่มากันแบบฝาแฝดเลยครับพี่น้อง มาอย่างละคู่ครับผม

และเครื่องที่นำมาทดสอบมีดังนี้

Chipset Realtek 1073 :

•  Playon! HD + Playon!HD mini

Chipset Sigma 8635:

• DVICO6500A
• BEVIX 8068

Chipset Sigma 8655:

• BEVIX 8058
• WDTV Live

Chipset Sigma 8643:

• Dune
• POPCORN C-200
• POPCORN A-200
• BEVIX 8088

 

 และเครื่องเล่น Blu Ray ระดับ Hi-end อย่าง OPPO BDP-83

โทษทีภาพไม่ค่อยชัด (ถ่ายรูปไม่เก่งครับผม)

เอา clip VDO ดูเครื่องชัดๆ อีกรอบแล้วกันนะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=y7b4N1ybnUY

(มันถ่ายยากนะครับ ทุกครื่องดำเกือบหมด แถมแสงในห้องหนังก็ไม่สว่างมาก แต่คิดว่าคนในวงการคงดูออกนะครับ)

remote ทั้งหลาย

เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

การ review นี้แบ่งออกมา 2 วันครับผม ผมจะเล่าผลแต่ละวันนะครับ

วันที่ 1 (โดยเครื่องซ้ายมือเป็น Playon!HD min และขวามือคือ chipset Sigma รุ่นต่างๆ)

นำ Playon!HD mini ซึ่งมีค่า defualt* มาเปิดพร้อมกับ Chipset Sigma ทั้ง 3 รุ่น

* Brightness 25
   Contrast 25
   Hue 25
   Saturation 25

ค่า Brightness Contrast ให้ปรับควบคู่กันไปจะทำให้ภาพมีพลังมากขึ้น
ค่า Hue เอาไว้แต่งสีผิว ถ้าเพิ่มผิวจะอมแดง ถ้าลดผิวจะอมเขียว
ค่า Saturation ตัวนีเอาเพิ่มความข้นของสี ปกติจะเป็น 25 ทำให้สีดูบางเกินไป ปรับสูงขี้นจะทำให้สีแน่นขึ้นครับแต่จะมีผลทำให้สีเหลืองชัดขึ้นด้วยครับ

ผลที่ได้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=HZNMnWWROwQ

http://www.youtube.com/watch?v=sflSDbr2XHc

http://www.youtube.com/watch?v=gqXDUpStBIE

http://www.youtube.com/watch?v=FZfYilVUzCI

http://www.youtube.com/watch?v=0rlES3GcuKM

สรุปตามความรู้สึกของตน

นอกจากเรื่องสีสันที่ต่างกันแล้ว อย่างอื่นผมไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลยครับท่าน!!! ไม่ว่าเรื่องความชัดของภาพ มิติของภาพ หรืออื่นๆ ก็ว่ากันไป ผมไม่เห็นความแตกต่างกันเลยครับ

แต่เรื่องสีสันใน clip VDO คงสามารถชมเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สีมันต่างกันจริงๆ (ผมขอนำสีของหลอดไฟมาเปรียบเทียบนะครับ มันเข้าใจง่ายดี) โดยที่สีของ Playon!HD จะออกโทน Warm และ Sigma จะออกโทรสี Daylight นะครับ

วันที่ 2

นำ Playon!HD  ซึ่งมีค่าต่างๆ * มาเปิดพร้อมกับ Chipset Sigma ทั้ง 3 รุ่น

*Brightness 26
  Contrast 26
  Hue 25
  Saturation 27

ผลที่ได้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=f1n_lJl-XBU

สรุปตามความรู้สึกของตน

เรื่องอื่นนอกจากเรื่องสีแล้วดูไม่ออกเลยครับว่าต่างกันตรงไหน…หนังทางขวามือให้สีอิ่มกว่า และเยอะกว่าครับ คือภาพทางซ้ายจะดูซีดไปนิดหน่อยเเมื่อเทียบกับทางขวามือ ซึ่งผมเข้าใจตลอดมาว่าทางซ้ายมือคือ playon!HD ซึงก็คงสู้ระดับเทพอย่าง Dune ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะราคามันต่างกันขนาดนี้ คงต้องยอมรับโดยดี

แต่เมื่อกดหยุดที่ remote ของ Dune มันทำให้ผมอึ้งไปเลยครับ … ภาพที่หยุดคือทางซ้าย ไม่ใช่ทางขวา ซึ่งก็หมายความว่า…

• ทางซ้ายมือคือภาพของ Dune !!!

• ทางคุณสุเวชใช้วิธี Blind test กับผม!!! (ภาษาง่ายๆ คือสับขาหลอกผม และหลอกผมได้สำเร็จ)

• ภาพของ Dune ซีดกว่า Playon!HD !!! (ถ้าไม่เห็นกับตา ไปฟังคนอื่นเล่ามาคงจะด่าว่า “จะมากไปแล้วนะโว้ย”)

แต่เมื่อมันเป็นความจริงที่ผมไม่ได้ใส่ความรู้สึกเข้าข้างลงไปเลย (เพราะผมเองก็โดนหลอก นึกว่าภาพทางขวาคือ Dune มาตลอด) ผมจึงกล้าพูด ณ ทีนี้เลยว่า

ถ้าพูดถึงเรื่องภาพล้วนๆ แล้ว ไม่ว่าชิพไหนก็ให้ผลไม่ต่างกันเลยครับท่าน*

ผมเองก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าผมควรจะฟันธงขนาดนี้เลยเหรอ มันจะเหมาะมัย เพราะมันก็ทำให้ผู้ขายบางรายได้เปรียบและเสียเปรียบทันที และอาจถูกมองว่าเข้าข้างใดข้างหนึ่งมากไป จนมีผลทำให้บางท่านอาจต่อว่าผมแบบแรงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลยครับ

แต่หลังจากผมนั่งคิดอยู่นาน ทั้งหมดนี้คือความจริงและความคิดเห็นส่วนตัวของผม และผมก็ได้พูดตลอดเวลาว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ประกอบกับคุณสุเวชแจ้งว่าอีกไม่นานทีวี 2 เครื่องนี้ จะนำไปวางไว้ในร้านที่พันธ์ทิพย์ พร้อมให้ทุกท่านพิสูจน์ด้วยตาท่านเองแล้วแบบนี้ ผมก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป (เวลาดูจำเป็นต้องอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 เครื่องครับ ถ้ายืนข้างใดข้างหนึ่งแล้ว ภาพอีกด้านหนึ่งจะซีดลงทันทีครับ)

หลังจากการ review ครั้งนี้ ทำให้ผมสามารถสรุปข้อดีข้อเสียของ chipset realtek กับ Sigma ได้ดังนี้นะครับ

chipset realtek

ข้อดี –>สามารถอ่านไฟล์ได้หลากหลายกว่า เมื่อเทียบกับ Sigma โดยเฉพาะไฟล์ mkv (ได้ทดสอบหลายเรื่องแล้วปรากฏว่า Sigma อ่านไม่ค่อยได้แต่ Realtek อ่านได้สบาย) *ไม่ได้หมายความว่า realtek อ่านได้ทุกเรื่องนะครับ บางเรื่องก็ไม่ได้เช่นกัน

ช้อเสีย –> ณ ปัจจุบันไม่สามารถปล่อยเสียง True HD และ DTS-HD ได้นะครับ และ เวลาเล่น Full Rip ก็ไม่มีเมนูให้ด้วย และ reframes>11 ไม่ได้

Chipset Sigma

ข้อดี –> สามารถปล่อยเสียง True-HD และ DTS-HD ได้สบาย และ มีเมนูเวลาเล่น Full Rip นะครับ

ข้อเสีย –> เมื่อเทียบกับ realtek แล้วเล่นไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ใช่ Full Rip แล้วจะพบปัญหามากกว่าครับ

บทสรุปสุดท้ายของคนเล่นไฮเดฟ

• ถ้าจะเล่น mkv เป็นหลัก ควรเลือก realtek
• ถ้าจะเล่น Full Rip เป็นหลัก ควรเลือก Sigma
• ถ้าจะเล่นทั้ง mkv + Full Rip พร้อมๆ กัน ควรจะซื้อทั้ง realtek + Sigma (คำตอบอาจโหดร้ายเกินไป แต่มันเป็นความจริงที่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องเล่นไหน ทำหน้าที่ได้ดีทั้ง mkv และ Full Rip ได้อย่างสมบูรณ์)

*ขออธิบายเพิ่มเติมรายละเอียดของการทดสอบนะครับ

เนื่องจากมีผู้อ่านบางท่านได้แสดงความคิดเห็นว่าการทดสอบครั้งนี้ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า realtek หรือ Sigma ให้คุณภาพของภาพไม่แตกต่างกันเลย เช่นความคิดเห็นดังต่อไปนี้

“ผมแค่นึกว่า..วิธีการในการนำเสนอมันถูกต้องไหมอะคับ
อย่างทีวีที่เราดู เราใช้ spyder ช่วยปรับ เรายังต้องปิดห้องมืดปรับเพื่อให้ได้ค่ามาตรฐาน..แล้วอาจมีปรับแต่งเพิ่มบ้างตามความชอบ
อย่างเราเพิ่ม Brightness มากเพื่อให้เห็นรายละเอียด..แต่ถ้ามากเกินมิติภาพก็ลด..noise ก็เห็นเพิ่ม
แล้วทีวีที่เค้าทดสอบเป็นตัวที่ผมใช้ด้วย..ตอนได้มาแรกๆ พวกเรามามิ๊ตติ้งกัน..ให้ช่วยกันปรับก็ปรับกันมั่วไปเลย..ไม่ได้ตามต้องการ 
ผมเพียงแต่รู้สึกว่าการปรับแต่งค่าที่จอทีวีเพื่อให้ได้ภาพของเครื่องเล่นแต่ละตัว เพื่อให้แสดงภาพของเครื่องเล่นตัวนั้นๆได้สูงสุดมันอาจไม่เหมือนกัน
สภาพแวดล้อมในการทดสอบอีก ถ้าเอาทีวีสองตัวไปเปิดในที่สว่างมากๆ ก็ต้องตั้งค่าความสว่างเพื่อสู้กับแสงรอบข้าง พอเพิ่มความสว่างมากกว่าปกติ
การแสดงภาพทั้งสองออกมามันก็อาจไม่แตกต่างกันก็ได้นี้คับ
เครื่องเล่นสองตัวก็ส่งคุณภาพของภาพออกมาไม่เท่ากัน อย่าง dvico ค่ามาตรฐานของเครื่องผมว่ามันมีความอิ่มของสีสูงกว่า dune
ทั้งที่ก็เป็นชิบตระกูล sigma เหมือนกันแต่คนละเบอร์
ผมว่าเหมือนเครื่องเสียง…จะฟังเทียบกันจิงๆก็ต้องอยู่ให้ห้องที่ควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆให้ได้ดีที่สุด แล้วถึงเอาสองตัวมากัดกันว่าเป็นไง
ถ้าเอาสองตัวไปเทียบกันเปิดในห้าง ที่กว้างมากๆ ต่อให้ตัวละ 1 ล้าน ก็อาจเหลือราคาแค่หลักหมื่น ..เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ..ข่าวจบ(จบข่าว)“

“ข้อจำกัดของระบบที่ใช้ทดลอง, บทความเหมาะสำหรับผู้ใช้กลุ่มใด
ยกตัวอย่างคือ คุณใช้ LED LCD คุณจะไม่สามารถเห็นความสามารถของเครื่องเล่นในการแสดงภาพเคลื่อนไหว หรือ การแพนกล้องได้เลย
ในเรื่องของสี ก็มีเรื่องที่ละเอียดขึ้น คือ สีสมจริง พูดง่ายๆคือ ดาราคนนั้นผมสีทอง หรือ สีแดง ให้เปิดคู่กัน จะเห็นคนละสี หลังจากนั้นจึงมาหาข้อเท็จจริงว่าดาราคนนั้นผมสีอะไรแน่
และ การไล่เฉดสี Deep Color 12 bit อันนี้ไม่ใช่สีที่สดขึ้น
เนื่องจากทีวีมีขนาดจำกัด มันจะไม่ค่อย “ขี้ฟ้อง” จะสังเกตุความแตกต่างค่อนข้างยาก เห็นใจครับ“

และผมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ครับ ดังนั้นผมจึงอยากแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า

ที่ว่าให้คุณภาพเรื่องภาพไม่ต่างกันนั้น เป็นความรู้สึกส่วนตัวครับผม ทั้งหมดมาจากตาผมที่มองดูแล้วไม่เห็นความแตกต่าง ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะ

• ตาผมยังมองไม่เห็นความแตกต่างทั้งๆ ที่มันอาจแตกต่าง (พูดง่ายๆ คือตายังไม่เทพนั้นเอง) หรือ
• อุปกรณ์และองค์ประกอบต่างๆ ในการรทดสอบครั้งนี้ อาจยังไม่สามารถ “ฟ้อง” ความแตกต่างระหว่าง 2 chipset นี้ได้

สำหรับข้อแรกนั้น ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มองไม่ออก หลายๆท่านก็ได้ดูด้วยตาท่านและมีข้อคิดเหมือนกันว่าภาพออกมาไม่ต่างกันเลย เอาเป็นว่าเมื่อมีโอกาสแล้วขอให้ท่านพิสูจน์ด้วยตาท่านเองนะครับ

ส่วนข้อที่ 2 นั้น ก็อาจจริงที่ว่าระบบยังไม่สามารถ “ฟ้อง” ความแตกต่างได้เพราะด้วยเขื่อนไขสภาพแวดล้อมและตัวอุปกรณ์เองหลายๆอย่างที่กล่าวในความคิดเห็น ดังนั้นสิ่งที่ผมฟันธงว่าไม่ต่างกันนั้น อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ spec เดียวกันหรือต่ำกว่าในการ review ครั้งนี้เท่านั้น (ซึ่งคิดๆแล้ว ผมว่ามีจำนวนผู้ใช้ต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับระบบนี้ไม่น้อยทีเดียว) ดังนั้น review นี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีทีวีที่ใกล้เคียงกับที่รีวิวและมือใหม่ที่เพิ่มจะหักเล่นไฮเดฟนะครับ

ประเด็นสุดท้ายคือ จุดประสงค์ในการ review ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการว่า chipset ไหนดีกว่า เพียงแต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า chipset realek สามารถปรับค่าต่างๆ ให้ใกล้เคียงกับค่า default ของ Sigma ได้ (จะมีเครื่องบางรุ่นของ Sigma ไม่สามารถปรับค่า Brightness  /Contrast/  Hue/ Saturation ได้) ดังนั้นหากเป็นกรณ๊นี้ ก็สามารถสรุปได้ว่าเครื่อง realtek สามารถทำให้สีของภาพออกมาใกล้เคียงสีของ Sigma ที่ตั้ง default ได้

แต่เมื่อ Sigma บางรุ่นปรับค่า Brightness  /Contrast/  Hue/ Saturation ได้ (เช่น Dune) มันก็คงไม่สามารถมีข้อสรุปที่ตายตัวอีกต่อไปเกี่ยวกับเรื่องสีเพราะต่างเครื่องต่างสามารถปรับค่าที่ผู้ใช้ต้องการแบบนี้ ไม่มีวันเทียบกันได้นะครับ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านเองแล้วแหละว่า ปรับแบบไหนเหมาะกับท่านมากที่สุด หากปรับจาก Sigma ได้แบบที่ท่านชอบที่สุด แต่ realtek ปรับไงก็ไม่ได้ ท่านก็สามารถฟันธงว่า Sigma ดีกว่าสำหรับท่านนะครับ

สุดท้ายเพื่อไม่ให้หลงประเด็น ขอสรุปอีกรอบว่า จากรีวิวครั้งนี้ (ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่)

1. ผมไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง chipset Sigma กับ Realtek นอกจากเรื่องสีสันนะครับ (เป็นความรู้สึกส่วนตัว ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ และควรพิสูจน์ด้วยตาท่านเองเมื่อมีโอกาส)

2. Realtek สามารถปรับค่าต่างๆ เพื่อนให้สีออกมาใกล้เคียงค่า default ของ Sigma ได้    

 ขอจบ review เพียงเท่านี้นะครับ ยินดีรับฟังทุกคำติชมนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทั้งหลายนะครับ